วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ผม "ชอบ" คุณ


        ภาษาฝรั่งคำหนึ่งที่ผมว่าแปลเป็นภาษาไทยได้ยากและเสี่ยงต่อการเข้าใจความหมายผิดก็คือคำว่า “Passion” (แพชชั่น)

        แพชชั่นนั้นเป็นคำที่ประหลาด เพราะมันอาจหมายถึงความหลงใหลปรารถนามักมากในกาม ความลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้น กิเลสตัณหาบังตา ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดก็ไม่มีอะไรผิดความหมาย

        แต่ในอีกมุมหนึ่ง คนทำงานศิลปะทุกคนจะรู้กันดีว่าคำคำนี้เป็นสิ่งที่ "ต้อง" มี หาไม่แล้วคุณก็จะเป็นเพียงคนงานที่ใช้แรงปั้น-ปาด-วาด-แต่ง เท่านั้น แต่หามีใจรักแบบที่ภาษาปะกิดเรียกว่า Labour of Love ไม่

        แพชชั่นในมุมนี้น่าจะแปลได้ว่า "ความหลงใหลในงานที่ทำ" เรียกว่าตกหลุมรักงานตรงหน้าเข้าเต็มเปา หมกมุ่นอยู่กับมันจนลืมวันเวลา สนุกกับมันอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ไม่ได้คิดว่าจะได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่กับงานที่ทำอยู่ ว่ากันตามตรง ถ้าจะพูดให้ถูก เขาไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าตรงหน้าที่ง่วนอยู่มันคืองาน เพราะคนท่ี่มีแพชชั่นไม่เคยคิดว่าเขาทำงานเลย

        ชีวิตของคนปกติทั่วไป น่าจะมีช่วงเวลาของการทำงานอยู่ที่ประมาณ 40 ปี เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่มีแพชชั่น นั่นแปลว่าในขณะที่คนอื่นต้องลุกขึ้นมาเกลียดเช้าวันจันทร์เป็นเวลา 40 ปี แต่กับคนเหล่านี้ไม่เลย

        แต่ก่อนผมคิดว่าแพชชั่นน่าจะมีแต่ในวงการศิลปิน อาจเป็นเพราะผมเองอยู่แต่ในวงการนี้ เห็นคนที่ชอบเขียนหนังสือ เขาเขียนโดยไม่ได้คิดว่าจะต้องได้รับการตีพิมพ์ เขาเขียนมันโดยไม่คิดว่าจะมีคนอ่านหรือไม่ เขาก็แค่ "ชอบ" เขียนเท่านั้น 
        ฟังแล้วเป็นเหตุผลที่ไร้สาระและไร้ประโยชน์ในโลกทุนนิยมจริงๆ

        แต่พอหูตากว้างไกลขึ้น ได้รู้จักคนในหลายๆ วงการมากขึ้น ผมก็พบว่าวงการอื่นเขาก็มีความหลงใหลทำนองนี้ที่เรียกว่าแพชชั่นเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นคนในวงการหุ้น ที่หลงใหลการติดตามเศรษฐกิจของโลก รวมถึงพฤติกรรมของคนในสังคม เขาศึกษามันไม่ใช่เพียงเพราะมันเป็นหน้าที่การงาน แต่เขา "ชอบ" ที่จะศึกษามันจริงๆ 

        หรือแม้กระทั่งวงการนักขาย ผมก็เห็นคนที่ชอบขาย ชอบเข้าหาผู้คนเป็นชีวิตจิตใจ ชอบเจรจา มีสัมพันธไมตรีกับคนแปลกหน้า ไม่ใช่ทำเพราะมันเป็นงาน แต่เขา "ชอบ" มันจริงๆ เขามีความสุขและสนุกทุกครั้งที่ออกไปเจอผู้คน แม้บางทีเขาจะขายของไม่ได้ก็ตาม

        ผมคิดว่าถ้าโลกนี้มีแต่ผู้คนที่รักที่ชอบสิ่งที่เขาทำ โลกคงจะน่าอยู่ขึ้นเยอะ เราคงไม่มีคนที่ทำงานซังกะตายไปวันๆ เราคงไม่มีคนประเภทกินวันละสองชาม (เช้าชาม เย็นชาม) เราคงไม่มีคนประเภทศุกร์เมา เสาร์นอน อาทิตย์ถอน จันทร์ลา และเราคงมีผลงานดีๆ ออกมาประดับโลกมากกว่านี้อีก 

        มั่นใจได้เลยว่า สตีฟ จ๊อบส์, มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก และโน้ต อุดม มีแพชชั่นกับงานของเขาแน่นอน ผมรู้สึกได้ถึงพลังที่เต็มเปี่ยมในผลงานของพวกเขา

        น่าแปลกที่ผมพบเจอผู้คนมากมายที่รู้ว่าตัวเอง "ไม่ชอบ" อะไร แต่กลับไม่รู้ว่าตัวเอง "ชอบ" อะไร ทุกวันนี้ผมยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมเขาเหล่านั้นถึงไม่มีอะไรสักอย่างที่ชอบแบบจริงๆ จังๆ มันเหมือนเขาอยู่ๆ ไปแบบไม่เห็นว่าชีวิตควรจะต้องมีคุณค่าอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะตายจากโลกนี้ไป

        บางคนมาแปลกกว่านั้น ผมเคยเจอเพื่อนคนนึงบอกว่า "อย่าเอาสิ่งที่รักมาทำเป็นงาน เพราะเราจะเบื่อและไม่รักมันในที่สุด" ประเด็นนี้ผมว่ามีส่วนถูกอยู่บ้าง แต่ถ้าเลือกได้ ใครก็น่าจะอยากอยู่กับคนที่ตัวเองรักไม่ใช่หรือมันน่าจะอยู่ที่การหาจุดพอดีมากกว่า ว่าแค่ไหน "มากไป" แค่ไหน "น้อยไป"

        ผมเคยแนะนำคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรให้ลองนึกว่า เวลาเดินเข้าห้าง คุณไปวนเวียนอยู่กับแผนกไหนมากที่สุด เพราะเดี๋ยวนี้ห้างสรรพสินค้าก็ไม่ต่างอะไรกับโลกจำลองที่มีครบทุกอย่างอยู่ในนั้น อย่างผมเอง ถ้าคุณจะหาว่าผมอยู่ตรงส่วนไหนของห้าง เดาไม่ยากเลยครับ ไม่พ้นร้านหนังสือ (หรือไม่ก็ร้านซีดี ซึ่งเดี๋ยวนี้แทบไม่มีแล้ว

         เพราะฉะนั้นบางทีคุณอาจจะพบว่าคุณชอบอะไรจากการเดินห้าง บางคนอาจชอบเดินแผนกเสื้อผ้า บางคนชอบแผนกเครื่องครัว บางคนชอบเดินดูของกิน บางคนชอบนั่งๆ เดินๆ อยู่หน้าโรงหนัง ผมหวังว่ามันน่าจะมีสักอย่างที่คุณชอบ

         ไม่รู้สิครับ สำหรับคนที่ไม่เคยมีแพชชั่นจริงๆ อาจจะนึกไม่ออกว่าการมีเจ้าแพชชั่นนั้นมันเจ๋งขนาดนี้เลยเหรอ แต่เชื่อผมเถอะว่าโลกนี้จะสนุกมาก ถ้าคุณมีมัน คุณสามารถจับผมไปปล่อยไว้ในร้านหนังสือใหญ่ๆ สักร้าน แล้วผมก็อยู่ในนั้นได้ทั้งวัน หรือคุณจะให้ผมอยู่ในร้านซีดีก็ได้ ไม่มีปัญหา คุณทิ้งผมไว้ได้เลย

         จริงๆ แล้วทางพุทธศานา ก็มีพูดประเด็นเรื่องแพชชั่นไว้ เพียงแต่ไม่ได้ใช้คำนี้เท่านั้นเอง มันอยู่ในหัวข้อ อิทธิบาท 4 อัน ประกอบด้วย ฉันทะ(ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น) วิริยะ (ความพากเพียรในสิ่งนั้น) จิตตะ (ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น) วิมังสา (ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น) ซึ่งเป็นธรรมะข้อที่ผมว่ามนุษย์มนาทั่วไปควรนำมาใช้ เพราะมันเอาไปใช้ในการทำงานได้เลย 

        ถ้าจะเขียนอิทธิบาท เป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ แบบเท่ๆ มันก็น่าเป็นแบบนี้ครับ 
        4 Steps to Success: Passion+Hard Work+Focus+Evaluation

         หน้าหนาวสิ้นปีแบบนี้ ถ้ายังไม่มีคนรัก ลองหางานที่รักก่อนก็ดีนะครับ เพราะทั้งชีวิตมนุษย์เราใช้เวลาในการทำงานไปถึง 116,800 ชั่วโมงแน่ะ!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น