วันนี้ผมขอจะพูดถึงพ็อกเก็ตบุ๊กของคุณบัณฑิต
อึ้งรังษี ที่ชื่อ "กฎแห่งความโชคดี" เป็นหนังสือที่ออกมานานแล้วนะครับ
และผมก็เห็นมานานแล้วด้วย
แต่ตอนแรกไม่ได้อ่าน และก็ไม่คิดจะอ่าน เพราะคิดว่าก็คงจะเหมือนหนังสือในแนวให้กำลังใจ
พัฒนาตัวเองหรือ How
to ทั่วๆ
ไป แต่ที่ไหนได้ เล่นเอาถึงตายครับ
ของเขาดีจริงๆ
หลักใหญ่ใจความของหนังสือเล่มนี้กำลังจะบอกกับเราว่า
คำว่า "โชค" นั้น
บางทีอาจจะคือสิ่งที่เราต้องสร้างมันขึ้นมา
ใช่ครับ เราสามารถสร้างโชคดีขึ้นมาให้ตัวเองได้ คุณบัณฑิตนั้นถึงกับบอกว่า
เขาเองไม่เชื่อเรื่องโชคดี
ประเภทคนนั้นโชคดีถึงได้อย่างนั้นอย่างนี้
เพราะทุกสิ่งที่ทำให้เขากลายมาเป็นวาทยากรระดับโลกในวันนี้นั้น
ผู้ชายคนนี้สร้างมันขึ้นมากับมือ
เขาทั้งขวนขวาย ค้นคว้า
ฝ่าฟัน และมีเป้าหมายที่ชัดเจน
ประโยคเด็ดที่ผมชอบที่สุดในเล่มนี้ก็คือ "คำว่าโชคดีเป็นเพียงแค่ข้ออ้างของคนขี้เกียจที่ไม่ยอมทำอะไร
แล้วพอคนอื่นทำอะไรสำเร็จ
ก็บอกว่าคนนั้นโชคดีจัง
ฉันมันโชคไม่ดี ก็เลยทำไม่ได้"
จะว่าไปแล้วบรรยากาศรอบๆ
ตัวเราก็ไม่ค่อยจะเอื้ออำนวยให้เราคิดแบบนั้นสักเท่าไหร่หรอกครับ
ลองกวาดตาดูหน้าหนังสือพิมพ์สิครับ
พ่อค้าส้มตำในตลาดโชคดีถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่
1
เพราะมีผู้หญิงมาเข้าฝัน
ลูกจ้างร้านประดับยนต์ดวงเฮงถูกแจ็คพ็อตนับสิบล้านบาท
เรื่องราวเข้าทำนองสามล้อถูกหวยนี้แบบมีมากมายแทบจะทุกวันที่
1
และ
16
แล้วจะให้เอาบรรยากาศการไขว่คว้าหาความสำเร็จด้วยตัวตัวเองมาจากที่ไหนกัน
เพราะเราต่างก็เฝ้าฝันว่าจะเป็นผู้โชคดีคนนั้นบ้าง
หลายคนที่ผมรู้จักบ่นให้ฟังอยู่บ่อยๆ
ว่าอยากจะได้นู่นนั่นนี่
แล้วก็ถอนหายใจออกมาว่า
เฮ้อ!
ทำไมไม่ถูกรางวัลที่
1
เสียที
มีความจริงอย่างหนึ่งที่ผมค้นพบด้วยตัวเอง
นั่นก็คือ “คนรวยมักจะขยันกว่าคนจน
คนเก่งมักจะอ่านหนังสือมากกว่าคนไม่เก่ง”
ถ้าคิดกันแบบผิวเผิน
ก็อาจจะเห็นว่ามันแปลกตรงไหน
ก็เขาขยันกว่าไง เขาถึงรวยกว่า
ก็เขาอ่านหนังสือเยอะกว่าไง
เขาถึงเก่งกว่า
แต่ลองคิดดูดีๆ
นะครับ ในเมื่อรวยแล้ว
ทำไมเขายังขยันอยู่? แล้วในเมื่อถ้าเรายังจนอยู่
ชีวิตยังไม่สบาย จริงๆ
เราน่าจะต้องขยันกว่าคนรวยไม่ใช่เหรอครับ? คนเก่งก็เหมือนกัน เขาเก่งแล้ว
ไม่ต้องอ่านหนังสือเยอะๆ
แล้วก็ได้นะครับ
แต่ทำไมเขายังอ่านยังคงศึกษาหาความรู้อยู่
ในขณะที่คนไม่เก่งกลับเที่ยวเล่น
ไม่หาความรู้ใส่ตัว
เอาเข้าจริง
ผมว่าประเด็นมันน่าจะอยู่ที่คนจนก็ไม่ได้อยากจะรวยจริงๆ
คนไม่เก่งก็ไม่ได้อยากจะเก่งจริงๆ
หรือไม่ก็คิดว่าคนอย่างเราคงไม่มีวันรวย
ไม่มีวันเก่งอย่างเขาหรอก
อยู่มันไปอย่างนี้ก็แล้วกัน
ก็เลยปล่อยให้โชคชะตาพาชีวิตไป
ในหนังสือกฎแห่งความโชคดียังมีประโยคเด็ดอีกประโยคที่น่าสนใจและยังติดประทับอยู่ในใจผมจนทุกวันนี้
นั่นคือประโยคที่ว่า "ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เราหวังมากเกินไป
แต่อยู่ที่เราพอใจกับสิ่งที่เรามีอยู่ง่ายเกินไป"
เขียนมาถึงตรงนี้ก็นึกถึงเรื่องของความพอเพียงแบบผิดๆ
ที่หลายๆ คนเอาไปกล่าวอ้างเวลาที่เราทำไม่ได้
ไปไม่ถึง หรือไม่มีความพยายามมากพอ
แล้วก็บอกว่าชีวิตพอเพียงแล้ว
ไม่นานมานี้ผมเพิ่งไปได้ยินคำอธิบายเกี่ยวกับความพอเพียงได้เข้าท่ามากๆ
เขาบอกไว้ว่า "ความพอเพียงหมายถึง
การที่เรามีเงินพอที่จะซื้อรถหรูๆ
จากยุโรป แต่ก็พอใจที่จะซื้อรถญี่ปุ่นคันเล็กๆ
มาขับ ไม่ใช่หมายถึงการที่เราต้องขึ้นรถเมล์
เพราะไม่มีเงินซื้อรถ
แล้วบอกว่าแค่นี้ชีวิตก็พอเพียงแล้ว ทั้งๆ
ที่ความจริงเมียอาจจะท้องโย้ ต้องมาห้อยโหน เบียดเสียดกันเป็นปลากระป๋อง
เพื่อกลับไปยังห้องเช่าที่ค้างค่าเช่าไว้สองเดือนแล้ว"
สำหรับผม คำอธิบายนี้โดนมากๆ อย่าเลยครับ
อย่าปล่อยให้ชีวิตไหลไปตามโชคชะตา
แล้วเอาแต่บอกตัวเองว่าคนเราไม่อาจฝืนลิขิตฟ้า
อย่าปล่อยให้ชีวิตเป็นแบบนั้นเป็นอันขาดครับ
เราออกแบบชีวิตตัวเองได้
ถ้าเราอยากออกมันแบบมากพอ
ดูอย่างเพลงของเจินเจินสิครับ
เขายังบอกว่า “สามสิบ ลิขิตฟ้า
เจ็ดสิบ ต้องฝ่าฟัน ต้องสู้
ต้องสู้จึงจะชนะ”
เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ
สู้ๆ ในทุกสถานการณ์ที่กำลังจะมาถึง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น