เผลอแป๊บเดียวก็ครบรอบ 1 ปีที่ภรรยาผมเข้ารับการผ่าตัด แต่ผมยังจำได้ดีเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
เราไม่ได้เตรียมตัวกันมาก่อนว่าจะต้องนอนโรงพยาบาล
เพราะทีแรกดูเหมือนว่าเธอจะแค่ปวดท้องโรคกระเพาะ
เพราะคืนก่อนหน้านั้นเราขับรถกลับจากต่างจังหวัด
รถติดมาก ทำให้ต้องกินข้าวมื้อค่ำดึกกว่าปรกติ
แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด
เมื่อถึงโรงพยาบาล
ภรรยาผมปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ
มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนออกมา
หนักเข้าก็รู้สึกใจสั่น
กระสับกระส่าย บ่นตลอดว่าหายใจไม่ทัน
พยาบาลวัดชีพจรดูก็พบว่าหัวใจเต้นถี่ถึง 150
ครั้งต่อนาที
ซึ่งถือว่าเร็วกว่าหัวใจของคนที่เพิ่งออกกำลังกายมาด้วยซ้ำ
เธอนอนลงไม่ได้เพราะหายใจไม่ออก
แม้แต่จะนั่งก็ยังยาก
ผมต้องประคองเธอไว้ขณะยืน
เพราะไม่มั่นใจว่าจะเป็นล้มไปเมื่อไหร่
บางประโยคขณะนั้นเธอบอกกับผมว่า...เหมือนจะตาย
สุดท้ายแล้วเหตุการณ์ก็ผ่านไปได้ด้วยดี
หลังจากตรวจนู่นนั่นนี่มากมาย
ทั้งเอ็กซเรย์ ทั้งให้ยาหลายขนาน
ก็พบว่าเธอน่าจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ
พอผ่าเสร็จอาการทั้งหมดก็หายไป
เรียกว่าเปิดตัวยิ่งใหญ่
แต่จบลงที่ไม่เป็นอะไรมาก
เล่นเอาคนที่เป็นห่วงถอนหายใจไปตามๆ
กัน
ผมย้อนนึกถึงประโยคที่เธอพูดว่า...เหมือนจะตาย
แล้วก็นึกถึงประโยคของเพลงฮิตเพลงหนึ่งที่ร้องว่า
"ทำไมมันช่างเปราะบางเหลือเกิน"
แล้วก็คิดไปต่อว่า
ถ้าตอนนั้นเธอตายไปจริงๆ
ผมจะทำอย่างไร? ผมยังมีความรู้สึกมากมายที่ยังไม่ได้บอกเธอ
ผมฟุ้งซ่านไปเรื่อยว่าทำไมชีวิตของมนุษย์เรามันช่างเปราะบางเหลือเกิน
เห็นๆ กันอยู่เมื่อนาทีที่แล้ว
ใครจะรู้ว่าในอีกนาทีถัดไป ก็อาจจะไม่ได้เห็นกันแล้ว เรื่องแบบนี้มีให้เห็นตัวอย่างถมไป
จำได้เลยว่าวันนั้นผมนึกถึงภาพข่าวการร่ำไห้ของแม่ทหารที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกลอยเข้ามาในความคิดผม
แม่ผู้สูงอายุบอกกับนักข่าวว่า
ไม่คิดว่าครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้พบพูดคุยกับลูกชาย
"การพลัดพรากจากสิ่งที่รักมักเป็นทุกข์" คำสอนของศาสนาท่านว่าไว้อย่างนั้นมานับพันปีแล้ว
แต่ก็ดูเหมือนมนุษย์ปุถุชนอย่างเราๆ
ท่านๆ ก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากความจริงข้อนี้ไปได้เสียที
หนำซ้ำยังหาสิ่งที่รักมายึดมั่นถือมั่นกันให้พะรุงพะรังอีก
คำถามที่ว่า
"เราเกิดมาเพื่ออะไร?"
เป็นคำถามที่น่าสนใจมากๆ
สำหรับผม
สมัยเรียนมหาวิทยาลัยในช่วงวัยกำลังค้นหาตัวเอง
ผมเจอหนึ่งคำตอบของคำถามนี้
นับว่าน่าสนใจมาก
เป็นคำตอบของไอน์สไตน์
เขาตอบว่า "เราเกิดมาเพื่อทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น
เกิดมาเพื่อเป็นที่รักของผู้อื่น" คำตอบนี้ดูเป็นอะไรที่เพื่อมวลชนและเป็นคนดีมาก
แต่ผมก็ค่อนข้างเห็นด้วยในวันนี้
ผิดกับในวันนั้นที่รู้สึกค้านในใจว่าทำไมต้องเกิดมาเพื่อคนอื่นด้วย
ไม่นานมานี้ผมไปเจออีกหนึ่งคำตอบที่น่าสนใจ
เขาตอบว่า "เราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตกับคนที่เรารัก"
คำตอบนี้ดูเข้าใจง่าย
เข้าถึงง่ายกว่าคำตอบที่แล้ว
และดูเป็นปัจเจก
ไม่ได้เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่เท่าคำตอบของไอน์สไตน์
แต่ก็โดนใจผมไม่น้อย
เราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เรารัก
(และรักเรา)
สำหรับผมคำนี้ยิ่งใหญ่มาก
เพราะยิ่งยืนยันความคิดของผมที่ว่าคนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานหนักแล้วก็ตายจากไป
เพราะที่สุดแล้วเราก็อยากมีเวลาอยู่กับครอบครัว
ดูแลพ่อแม่ เล่นกับลูก
พูดคุยกับคนรัก
เพราะเราก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะอยู่กับเราไปอีกนานเท่าไหร่
และในทางกลับกันเราเองก็ไม่รู้ว่าเราจะอยู่บนโลกนี้ไปได้นานแค่ไหน
ในเมื่อชีวิตมันเปราะบางเช่นนี้
เหมือนที่ใครบางคนเคยพูดให้ผมได้ยินว่า
เขาไม่มีวันจะออกจากบ้าน
ถ้ายังทะเลาะกับคนที่บ้านค้างอยู่
เพราะเขาไม่อาจรู้ว่าเมื่อออกไปแล้ว
จะได้กลับมาปรับความเข้าใจกันอีกหรือเปล่า
มีเรื่องขำขื่นเรื่องหนึ่งเล่าว่า
แม่ผู้แก่เฒ่าท่านหนึ่งโทรหาลูกสาวว่า
"หนูไปทำงานที่กรุงเทพฯ
ตั้งนาน ไม่กลับมาเยี่ยมเยือนแม่บ้างเลยเหรอ"
ลูกสาวตอบว่า
"โอ๊ย
ไม่มีเวลาหรอกแม่ งานยุ่งจะตาย"
แม่ก็เลยบอกว่า
"จ้ะ
ไม่เป็นไรลูก งั้นส่งเงินมาที่บ้านบ้างนะลูก
แม่จะเอาไปซื้อหยูกยา
ปวดเข่าเหลือเกิน"
แต่ลูกสาวกลับตอบมาว่า
"โอ๊ย
แม่ เงินอะไรล่ะ ใช้เองตัวคนเดียว
เดือนชนเดือนยังจะไม่รอดอยู่แล้ว"
เรื่องนี้ก็เลยสรุปว่าลูกสาวคนนี้ไม่มีทั้งเงินและไม่มีทั้งเวลา ฟังดูเหลือเชื่อ จะบ้าเหรอ เป็นไปได้ไง แต่คนส่วนใหญ่ของสังคมทุกวันนี้ก็เป็นแบบนี้ ไม่มีเวลาให้คนที่เรารัก...และก็ไม่มีเงิน
ผมนึกถึงภาพโฆษณาประกันชีวิตเจ้านึงที่เป็นเรื่องราวของพ่อใบ้กับลูกสาวที่เกลียดพ่อ
ผมร้องไห้ทุกครั้งที่ดูโฆษณาตัวนี้
เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นใบ้
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกคู่นี้มันแสดงให้เห็นว่าคนเราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เรารักจริงๆ
ผิดแต่ว่ากว่าลูกจะรู้ว่าพ่อรักลูกขนาดไหนก็ต้องผ่านพ้นวิกฤตมาก่อน
สุภาษิตจีนที่ว่า
"เนื้อมังกรหน้าหลุมศพพ่อแม่
มีค่าน้อยกว่าข้าวต้มร้อนๆ
สักถ้วยตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่" บอกเล่าสถานการณ์นี้ได้เป็นอย่างดี
ลองถามตัวเองดูนะครับว่าวันนี้เราได้ใช้ชีวิตกับคนที่เรารักหรือยัง
ถ้ายังก็ด่วนเลยครับ
ใครจะรู้ว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของวันที่เหลืออยู่ของคุณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น