วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555

บ้านตัวอย่าง


        สองสามปีที่แล้ว ผมกับครอบครัวตระเวนไปตามหมู่บ้านต่างๆ เป็นว่าเล่น ด้วยเหตุที่ว่าจู่ๆ ก็คิดจะสร้างหนี้เพิ่มด้วยการไปซื้อบ้านหลังใหม่ให้ใหญ่กว่าเดิม เพื่อต้อนรับการมาถึงของเจ้าตัวน้อย-ซัมเมอร์-ลูกสาวคนที่สองของผม

        สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการออกทัวร์ตามโครงการหมู่บ้านจัดสรรนั้นเยอะทีเดียวครับ เริ่มตั้งแต่ได้ขับไปเส้นทางใหม่ๆ ที่ไม่เคยไป ผมพบว่าเวลาเราขับรถไปในที่ที่ไม่คุ้น ประสาทต่างๆ ของเราจะถูกดึงออกมาใช้อย่างเต็มที่ สมองต้องทำงานหนักกว่าเดิม ไหนตายังจะต้องสอดส่ายดูป้ายโครงการนับสิบๆ (ซึ่งผมเชื่อว่าบ้านเราน่าจะติดอันดับประเทศที่มีจำนวนป้ายโฆษณาริมทางเยอะที่สุดในโลก) เพราะแต่ละป้ายนั้นต่างก็ช่วงชิงความโดดเด่นกันแบบสุดๆ ถ้าคลาดสายตาก็อาจขับเลย และไม่มีโอกาสได้วนกลับมาอีกง่ายๆ

        สารภาพนะครับว่าผมเพิ่งรู้ว่าถนนสุขาภิบาล 5 มันอยู่ตรงไหน แล้วผมก็เพิ่งรู้ว่าบางใหญ่ซิตี้มันใหญ่จริงๆ ขนาดว่าเป็นเมืองย่อมๆ ได้เลย ไหนยังจะเส้นทางแถวบ้านเก่าผมอย่าง ซอยท่าอิฐ ไทรม้า บางบัวทอง ที่ผมอยู่มาตั้งหลายปี แต่ก็ยังไม่เคยขับเข้าไป หรือที่อเมซิ่งสุดๆ ก็คือโรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า ตรงถนนนครอินทร์ พระราม 5 ที่ว่าอเมซิ่งก็เพราะโรงเรียนนี้ใหญ่มากๆ มากถึงมากที่สุด ขนาดน้องๆ โรงเรียนฮอกวอตส์เลยล่ะครับ

        ใบที่ รปภ. กำชับว่าอย่าลืมเอาให้ฝ่ายขายเซ็น น้ำขวดเล็ก รถกอล์ฟ แบบฟอร์มกรอกข้อมูล สอบถามค่าส่วนกลาง คืออีกหลายๆ ไฟต์บังคับที่เราจะต้องเจอเวลาเข้าไปดูบ้านตามโครงการ เรียกว่าพอผมไปดูสัก 3-4 ที่ก็เริ่มจะเป็นนักดูบ้านมืออาชีพขึ้นมาทันที รู้ขั้นตอนไปซะทุกอย่าง 

        แต่สิ่งที่หนึ่งที่กระทบใจผมมากที่สุด โดยเฉพาะหมู่บ้านแรกๆ ที่ไปดู (เพราะหลังๆ เริ่มชิน) นั่นก็คือ “บ้านตัวอย่าง” ครับ

        ผมชื่นชมคนที่ออกแบบแต่งบ้านตัวอย่างให้ลูกค้ามาชมนะครับ เพราะเขาเก่งมากๆ ที่สามารถเนรมิตบ้านให้ออกมาสวยงามราวกับเราหลุดเข้าไปในแคตตาล็อกหรือแมกกาซีนบ้านสวยๆ ไม่ว่าจะเป็นผนังติดวอลล์เปเปอร์ พรมขนสัตว์ที่พื้น เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ทันสมัยที่จัดโทนสีมาอย่างดี ห้องนอนที่ออกแบบมาให้เป็นทั้งห้องนอนใหญ่ของคุณพ่อคุณแม่ ห้องลูกชาย ห้องลูกสาว สวนหน้าบ้าน ห้องรับแขกที่มีโฮมเธียเตอร์สุดล้ำ แอร์เย็นฉ่ำ ห้องครัวฝรั่งแบบบิลท์อิน

        ทั้งหมดที่ว่ามาล้วนแล้วแต่ทำให้จินตนาการของเราบรรเจิด คิดฝันไปไกลว่าถ้าได้ครอบครองบ้านของที่นี่ คงจะทำให้ชีวิตสุขสันต์ 

         แต่เปล่าเลยครับ ฝันทั้งหมดจะสลายไปเมื่อเราไปดูบ้านของจริงที่มีแต่บ้านโล่งๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ ไม่มีวอลล์เปเปอร์ ห้องครัวก็โล่งๆ ห้องนอนก็คือห้องสี่เหลี่ยมโล้นๆ สวนหน้าบ้านก็มีแค่หญ้า ถ้าอยากได้แบบบ้านตัวอย่างก็คงต้องเสียเงินตกแต่งอีกหลายแสน และเอาเข้าจริงแล้ว เวลาเราเข้าไปอยู่จริงๆ บ้านมันก็คงไม่ได้สวยงามขนาดนั้นหรอก ราวตากผ้า กองของเล่นลูก เอกสารกองพะเนิน มันจะไปสวยอย่างแบบบ้านตัวอย่างได้อย่างไร
แต่ผมว่านี่แหละครับ มันต้องสวยบ้างไม่สวยบ้าง ถึงจะเป็นบ้านที่มีชีวิตชีวา

        ทั้งหมดที่เล่ามา มันทำให้ผมนึกไปถึงคำถามที่น้องในออฟฟิศคนหนึ่งถามผมขึ้นมา เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าตอนนั้นผมและครอบครัวได้สัมภาษณ์และถ่ายรูปลงในนิตยสารครอบครัวเล่มหนึ่ง รูปที่ลงในนิตยสารนั้นดูแล้วเป็นครอบครัวที่มีความสุขมาก น้องมันก็เลยถามผมขึ้นมาว่า แล้วจริงๆ มันเป็นอย่างในภาพหรือเปล่า 
        ผมก็ตอบไปว่า แหม มันก็มีสุข เศร้า เหงาและรัก สลับกันไป จะให้ยิ้มกันตลอดก็ท่าจะบ้าแล้ว
        โธ่ คนนะครับ ไม่ใช่บ้านตัวอย่าง จะได้สวยงามทุกโมงยาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น