ถึงจะทำนิตยสารที่หลายคนมองว่าออกแนวเซ็กซี่มีระดับ
แต่ก็ไม่บ่อยครั้งนักที่ผมจะไปนั่งดื่มอยู่ตามสถานที่กลางคืน
ด้วยเพราะหลังๆ นิยมความเงียบ
และเริ่มไม่เข้าใจว่าเราจะนัดเพื่อนที่อยากเจอไปตะเบ็งเสียงคุยแข่งกับเสียงเพลงทำไม
แต่เมื่อหลายเดือนก่อน ผมก็มีโอกาสไปนั่งดื่มที่ร้านชั้นดีแถวๆ
เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เพราะเพื่อนคนหนึ่งไปจัดอีเวนต์ที่นั่นและชวนผมไปเป็นแขกวีไอพีในงาน
คืนนั้นผมนั่งคุยกับน้องพริตตี้คนหนึ่ง ซึ่งก็นับเป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับผมที่ได้ฟังชีวิตของสาวพริตตี้ว่ามีชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง
(แต่สำหรับนักท่องราตรี
คงจะเฉยๆ)
เธอเล่าให้ผมฟังว่า
เธอเพิ่งอายุ 19
ยังเรียนอยู่
ปวส.
เป็นคนเรียนเก่ง
และเป็นหัวหน้าห้อง
แต่ก็ทำงานในร้านกลางคืนแบบนี้มา
2-3
ร้านแล้ว
รายได้ดีขนาดที่ว่าทำงานอาทิตย์เดียวก็เท่าๆ
กับหรือมากกว่าพนักงานออฟฟิศหลายๆ คน (งานที่เธอทำคือชงเครื่องดื่มให้แขกและนั่งคุยด้วยที่โต๊ะเท่านั้นนะครับ
ไม่มีอย่างอื่นมากกว่านี้)
ผมถามเธอไปว่าแล้วมาทำงานกลางค่ำกลางคืนแบบนี้พ่อแม่ไม่ว่าเหรอ
เธอตอบว่าเธอพาแม่มาดูที่ร้านด้วยซ้ำว่าเธอทำงานอะไรบ้าง
และมันก็เป็นงานสุจริตที่ไม่มีอะไรเสียหาย
ที่สำคัญที่เธอทำงานนี้ก็เพราะต้องส่งตัวเองเรียน
ครับ
เรื่องราวมันซ้ำๆ
อย่างที่เราอาจเคยได้ยินกันมา
พ่อแม่แยกทางกัน
เธออยู่กับแม่ที่ทำงานขายของที่ไม่อาจมีรายได้เพียงพอส่งเธอเรียน
ส่วนพี่ชายของเธอก็แยกออกไปอยู่กับแฟนทั้งที่ยังเรียนอยู่
และไม่ได้มาช่วยเหลือแม่อะไรมากมาย
เธอจึงต้องหาเลี้ยงตัวเอง
กว่าจะนอนก็ตีสามตี่สี่
หกโมงเช้าก็ต้องตื่นมาเตรียมตัวไปเรียน
แล้วกลับมานอนตอนเย็นๆ
เพื่อเตรียมตัวออกไปทำงานตอนกลางคืนอีกครั้ง
วนเวียนอยู่อย่างนี้เกือบทุกวัน
ผมถามเธอต่อว่าแล้วทำไมไม่หางานอื่นทำ
เธอตอบว่าแล้วจะให้นักเรียนอย่างเธอไปทำงานอะไรตอนกลางคืน
และงานอะไรที่จะมีรายได้พอที่จะส่งตัวเองเรียน
ซื้อของให้แม่ ซึ่งก็จริงของเธอ
ก่อนหน้านั้น
ถ้าผมจำไม่ผิด
เธอบอกว่าเธอทำงานมาตั้งแต่ยังเด็กกว่านี้
โดยก่อนหน้าที่จะมาทำงานกลางคืน
เธอเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ท่ี่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่งเพื่อให้มีรายได้เสริม
แต่นั่นมันก็ตอนที่เธอยังไม่ต้องแบกรับภาระเรื่องการเรียนไว้ลำพัง
ประโยคหนึ่งที่หล่นออกมาในบทสนทนาตรงช่วงนี้สะกิดใจผมเข้าอย่างจัง
เธอพูดประมาณว่า
"พี่รู้มั้ยว่ามีคนแบบหนูเยอะแยะ
ทำงานหาเลี้ยงตัวเอง
ทำงานตั้งแต่ยังเป็นนักเรียน
แต่ก็เหมือนไม่มีใครมองเห็น
ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟก็เหมือนไม่มีตัวตน
ไม่มีใครสังเกตด้วยซ้ำ"
ผมเองเคยคิดถึงประเด็นนี้เมื่อนานมาแล้ว
แต่ก็ลืมๆ ไปจนกระทั่งได้ฟังประโยคนี้
ใช่เลย! หลายครั้งเราก็มองคนในหลายอาชีพแบบแทบจะไม่อยู่ในสายตา
เหมือนเขาเหล่านั้นไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้
พนักงานเสิร์ฟ
พนักงานทำความสะอาดในห้างสรรพสินค้า
พนักงานรักษาความปลอดภัย
พนักงานเก็บค่าทางด่วน
และอีกหลายๆ พนักงาน
ถามว่ามีกี่ครั้งที่เราไปเดินห้าง
แล้วจะสังเกตหรือนึกถึงว่าพนักงานทำความสะอาดที่กำลังกวาดกำลังถูพื้นอยู่นั้นเขาเป็นใคร
บ้านอยู่ที่ไหน เคยทำงานที่ไหนมาก่อน
และอีกมากมาย
ผมคิดว่าส่วนใหญ่พวกเราแทบจะไม่เคยมองหน้าเขาเหล่านั้นด้วยซ้ำ
คิดแล้วก็แปลกดีนะครับ
ที่เราอยู่สังคมเดียวกันแท้
แต่กลับไม่เคยเห็นถึงการมีอยู่ของคนเหล่านี้
อาจเป็นเพราะยูนิฟอร์มที่สวมใส่นั้นสลายเอกลักษณ์ของแต่ละคนให้กลายเป็นภาพเบลอๆ
ของอาชีพนั้นๆ
พนักงานทำความสะอาดจึงดูเหมือนกันไปหมดในชุดยูนิฟอร์มของบริษัท
พนักงานรักษาความปลอดภัยจึงมีภาพจำที่คล้ายกันไปหมด ลองหลับตานึกสิครับ
ผมว่าเรานึกเหมือนกันว่า
รปภ. หน้าหมู่บ้านจะต้องตัวผอมๆ
คล้ำๆ เกรียมแดด เป็นคนต่างจังหวัด
อยู่ในชุดยูนิฟอร์มคล้ายๆ
กันทุกหมู่บ้าน
หรือแม้กระทั่งสาวพริตตี้ ที่หลายๆ คนอาจจะบอกว่าพริตตี้คนไหนๆ ก็ดูเหมือนกันไปหมด
แต่ถ้าได้มานั่งคุยรายละเอียดจริงๆ
ก็จะเห็นความมีเลือดเนื้อมีจิตใจของเธอเหล่านี้
มากกว่าที่หลายคนจะมองเห็นแต่
"เนื้อ"
ของเธอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น