วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ไดอารี่ยุคใหม่



เคยอ่าน 5 ชอบ 5 ไม่ชอบของนิตยสารสีสันกันบ้างหรือเปล่าครับ? มันเป็นคอลัมน์วาระพิเศษที่มาปีละครั้ง โดยจะรวบรวมสิ่งที่นักวิจารณ์ นักเขียน และบรรณาธิการทั่วฟ้าเมืองไทยมารว่มกันเขียนสิ่งที่ชอบและไม่ชอบในปีนั้นๆ

ผมเองอ่านเป็นประจำติดต่อกันมาหลายปีแล้ว เพราะถือเป็นทางลัดในการรู้จักหนัง เพลง หนังสือว่าปีนี้มีอะไรเด็ดๆ บ้าง เผื่อจะพลาดอะไรดีๆ ไป เพราะนักเขียน นักวิจารณ์เหล่านี้ถือเป็นมนุษย์ที่มีโอกาสได้เสพงานศิลปะเยอะกว่าปุถุชนคนธรรมดา หลายครั้งเลยที่ผมได้ฟังได้อ่านงานดีๆ เพราะการอ่านคอลัมน์พิเศษนี้

มาปีนี้ปีล่าสุด 2555 รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยถึงปานกลางว่าหลายๆ ท่านที่มาเขียน 5 ชอบ 5 ไม่ชอบ ต่างเขียนตรงกันว่า สิ่งที่เขาหรือเธอชอบในรอบปีที่ผ่านมาก็คือ facebook

ที่รู้สึกแปลกก็เพราะ ตามความเข้าใจของผม นักเขียน (โดยเฉพาะผู้ที่เขียนงานหนักๆ หรือเขียนงานวิจารณ์เครียดๆ) น่าจะเป็นคนกลุ่มท้ายๆ ที่จะหันมาใช้โซเชี่ยลมีเดีย เพราะส่วนใหญ่จะมีท่าทีของความเป็นคนอนุรักษ์นิยม ต่อต้านเทคโนโลยี

ผมก็เลยสรุปแบบคิดเองเออเอง (อีกแล้ว) ว่าถึงคราวที่ facebook ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งสังคมแล้วจริงๆ มีคนใช้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (ผมเคยเห็นเพื่อนผมเปิดแอคเคาน์ให้ลูกวัยไม่กี่เดือน นัยว่าเพื่อจองแอคเคาน์และจะได้เป็นไดอารี่โพสต์รูปไปในตัว)

แน่นอนว่าของทุกอย่างมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย แต่ดูเหมือนว่า facebook จะถูกมองในง่ายร้ายมากกว่า ตั้งแต่ไร้สาระ ทำไมต้องโพสต์โชว์เรื่องส่วนตัว เป็นที่ให้เด็กใจแตกมาโพสต์รูปโป๊แลกกับกดไลค์ พระเล่น facebook หญิงคลั่งยิงแฟนเพราะเห็นเล่น facebook จีบสาว ฯลฯ

ส่วนตัวผมเองนั้น ประโยชน์หลักๆ ที่นอกจากจะใช้โพสต์รูป โพสต์บ้าๆ บอๆ เหมือนคนอื่นๆ แล้ว ผมก็ใช้ประโยชน์ในการฝึกคิดอะไรที่เขียนสั้นๆ ไม่ต้องยาวมาก แต่ได้ใจความ ได้ความประทับใจ ได้คมความคิด ถือเป็นการฝึกฝีมือการเขียนไปในตัว ไม่ต่างกับก็อปปี้ไรท์เตอร์ที่ต้องคิดคำโฆษณา

ยิ่งตอนนี้ facebook ปรับให้เป็นไทม์ไลน์ด้วยแล้ว การค้นกลับไปยังสิ่งที่เราเคยโพสต์ไว้เมื่อนานมาแล้วก็ทำให้เราทบทวนได้ว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่

วันนี้นึกอะไรไม่ออก ก็เลยหากินกับของเก่าด้วยการรวบรวมบางถ้อยคำที่ผมเคยโพสต์ไว้ใน facebook (add มาเป็นเพื่อนกันได้ที่ wisoot sangarunlert ครับ) ซึ่งคิดว่าน่าจะพอมีประโยชน์บ้างมาฝากกันครับ ลองไปดูกัน

-ถ้าแก่พอ วันนึงคุณจะพบว่าโลกนี้ไม่เห็นมีอะไรที่เราอยากได้อย่างแท้จริงเลยสักนิด

-"สุขภาพ" กับ "แฟนเก่า" เหมือนกันอยู่อย่างก็คือ ตอนมีอยู่เราไม่รู้สึก ตอนไม่มีแล้วเพิ่งจะมาสำนึก

-มีเงินเท่าไหร่คุณก็ซื้อ "ช่วงเวลาเล่านิทานก่อนนอนให้ลูกฟัง" กลับมาไม่ได้ ถ้าคุณปล่อยให้มันผ่านไปแล้ว
มันจะจากไปตลอดกาล

-กล่าวอย่างสั้นที่สุด คนรวยชอบหาเงิน คนจนชอบใช้เงิน

-ถ้าตีหนึ่งแล้ว แต่คุณยังเห็นเพื่อนคุณนั่งทำงานอยู่เลย อย่าเพิ่งนึกชม บางทีเขาอาจจะเพิ่งเริ่มทำงานตอนเที่ยงคืนห้าสิบห้านาทีก็ได้

-ถ้าชีวิตคุณไม่มีความเครียดอะไรเลย มันมีสองอย่าง หนึ่ง คุณเป็นคนที่ปล่อยวางทุกอย่างได้ดี สอง คุณเป็นคนไม่มีเป้าหมายในชีวิตเลย

-มีบางความรัก แม้ผิดหวังก็เจ็บปวด แม้สมหวังก็เจ็บปวด

-สำหรับนักเขียนแล้ว ถ้าคุณเห็นเขายืนเหม่อที่หน้าต่าง นั่งจิบกาแฟเพลินๆ อ่านหนังสือพลาง เดินเล่น ดูหนัง ฟังเพลง นั่นเขากำลังทำงานอยู่นะครับ ส่วนเวลาที่เห็นเขาจรดปากกาลงบนกระดาษ นั่นงานของเขาแทบจะเสร็จแล้ว..ก็แค่เอาสิ่งที่เคยอยู่ในอากาศ (และตอนนี้อยู่ในหัว) จับมันลงบนกระดาษเท่านั้นเอง

พอไหวไหมครับ อย่างน้อยไม่ว่าคนจะชอบหรือไม่ชอบ facebook หรือ แต่อย่าลืมนะครับว่ามันก็ทำให้คนไทยอ่านหนังสือได้มากกว่าปีละ 8 บรรทัดล่ะน่า จริงไหมครับ?

1 ความคิดเห็น:

  1. ผมกลับรู้สึกว่า facebook เป็นเว็บที่สร้างสรรค์ที่สุด ตั้งแต่โลกนี้มีอินเตอร์เน็ต
    จะมีประโยชน์หรือไร้สาระ อยู่ที่ผู้ใช้ และการเลือกแอดเพื่อน

    ตอบลบ